สำหรับนักลงทุนและนักเก็งกำไรในตลาดหุ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นคงจะตื่นเต้นกับความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลก ไล่ตั้งแต่อเมริกา ยุโรป จีน ญี่ปุ่น รวมถึงไทยเราที่มีความผันผวนกันอย่างพอสมควร
ไม่ว่าจะเป็นจากข่าวสงครามทางการค้าระหว่างอเมริกากับจีนที่ส่อแววว่าอาจจะยืดยาวไปมากกว่าที่คาดคิดกัน การคาดหวังว่าธนาคารกลางของอเมริกา (FED)จะขึ้นดอกเบี้ยอีก รวมไปถึงการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB)ยังคงยืนยันที่จะลดลงของปริมาณ QE (Quantitative Easing– การที่ธนาคารกลางดำเนินนโยบายทางการเงินในการซื้อพันธบัตรรัฐบาลหรือหลักทรัพย์อื่นๆเพื่อเพิ่มปริมาณเงินในระบบเพื่อเป้าหมายที่จะคงระดับอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำ) ทำให้บรรยากาศการลงทุนดูไม่ค่อยสดใสนักในอนาคตอันใกล้ และทำให้มีการเทขายสินทรัพย์เสี่ยงกันออกมา ตลาดหุ้นของไทยเราก็ยังมีการไหลออกของเงินทุนกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลงจนจะแตะ 33 บาทต่อ USD แล้ว
ฉะนั้นแล้วการลงทุนในช่วงนี้ (จริงๆแล้วก็ต้องมีสติและรอบคอบตลอดเวลา) ก็คงต้องระมัดระวังและลดความเสี่ยงลงให้อยู่ในระดับที่เราๆรับกันได้นะครับ พยายามลงทุนในสิ่งที่เราเข้าใจความเสี่ยงเท่านั้น
เมื่อพูดถึงธนาคารกลางของประเทศนี้ประเทศนั้นจะขึ้นจะลดดอกเบี้ย จะเพิ่ม QE จะลด QE หรือจะดำเนินการนโยบายทางการเงิน (monetary policy) อะไรก็แล้วแต่ เคยสงสัยกันมั้ยครับ (อย่างน้อยผมล่ะที่สงสัยอ่ะนะ) ว่า “ธนาคารกลาง” เนี่ยมันเกิดขึ้นมาจากประเทศไหน ใครเป็นคนคิด แล้วมันมาได้อย่างไร
พอสงสัยแล้วก็ต้องเริ่มหาความรู้ด้วยการพึ่งพาอินเตอร์เน็ตอีกเช่นเคย (ยังมีใครเดินทางไปเข้าห้องสมุดเพื่อหาคำตอบสำหรับคำถามนี้อยู่มั้ยอ่า) จากหลายๆแหล่ง ก็ได้พบกับคำตอบครับว่า ธนาคารกลางที่เก่าแก่ที่สุดในโลกคือ The Swedish National Bank (Sveriges Riksbank) หรือก็คือธนาคารแห่งชาติสวีเดนนี่เอง (ไม่น่าเชื่อว่าธนาคารกลางแห่งแรกของโลกนี่เกิดมาจากดินแดนที่ 65% ของพื้นที่ของประเทศมีสภาพเป็นป่า)
ธนาคารกลางของสวีเดนและเป็นธนาคารกลางแห่งแรกของโลกนั้นก่อตั้งเมื่อปี 1668 (หรือ 350 ปีมาแล้ว) ในช่วงเริ่มต้นนั้นจุดประสงค์ก็เพียงเพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการทำสงครามและการเดินทางของกษัตริย์ โดยเริ่มมาจากผู้ปกครองหรือขุนนางสมัยนั้นนามว่า Axel Oxenstierna ได้นำเสนอการจัดตั้งธนาคารในทุกๆเมืองในปี 1619 โดยปกครองและสนับสนุนผ่านทาง Riksdag (อารมณ์คล้ายสภาผู้แทนราษฎรของบ้านเรา) จนกระทั่งเขาตายไปในปี 1654 อย่างไรก็ดี ธนาคารแห่งแรกของสวีเดนนั้นถูกก่อตั้งจริงๆในปี 1656
ในปีเดียวกันนั้นกษัตริย์กุสตาฟที่ 10 (King Karl X Gustav) ได้ให้สิทธิกับธนาคารเอกชนเพื่อการแลกเปลี่ยนและปล่อยกู้นามว่า Stockholms Banco ที่รัฐมีการออกกฎเกณฑ์ควบคุมค่อนข้างเยอะ (เจ้าของคือ Johan Palmstruch) ในการผลิตธนบัตรออกมาซึ่งภายหลังก่อให้เกิดปัญหาอย่างมากจนทำให้ผู้คนไม่มีความเชื่อมั่นต่อธนบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งนี้อีกต่อไป ส่งผลให้ 8 ปีต่อมา ธนาคารก็ต้องล้มละลายและปิดตัวไป และมากกว่าไปนั้น Johan Palmstruch ก็ถูกศาลอุทธรณ์ของสวีเดนตัดสินให้จำคุกข้อหาบริหารกิจการผิดพลาด (ซะงั้น)
อย่างไรก็ดี ในปี 1668 คณะ Riksdag ก็ได้อนุมัติให้ธนาคารนี้ได้รับการฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ภายใต้ชื่อ Riksens Ständers Bank เป็นธนาคารกลางแห่งแรกของโลก ซึ่งสองสามปีถัดมาก็ได้ก่อตั้งตึกสำนักงานอย่างเป็นทางการที่ Järntorget หรือที่รู้จักกันในนาม Southern Bank House (Södra Bankohuset) และก็พึ่งได้ย้ายไปอยู่ที่แห่งใหม่ที่ Helgeandsholmen เมื่อช่วงเข้าสู่ศตวรรษที่ 20 นี่เอง
ในอดีตก็คงเป็นเหมือนกันหลายๆประเทศคือองค์กรต่างๆก็จัดตั้งเพื่อสนับสนุนกิจการของกษัตริย์ สวีเดนก็ไม่ต่างกัน ในยุคนั้นกษัตริย์มีอิทธพลกับธนาคารมาก และก็ถูกบังคับให้สนับสนุนสงครามและกิจการต่างๆอย่างต่อเนื่อง ช่วงศตวรรษที่ 18 ธนาคารก็ได้พยายามที่จะรักษาเสถียรภาพของราคาสินค้าต่างๆภายในประเทศเป็นครั้งแรก
มาตราการต่างๆที่ใช้นั้นก็จะยืนพื้นมาจากข้อมูลจากนักเศรษฐศาสตร์ในสมัยนั้นที่สามารถหาความเชื่อมโยงระหว่างปริมาณธนบัตร (banknote stock) เงินเฟ้อ (inflation) และอัตราแลกเปลี่ยน (exchange rates) กับประเทศอื่นๆ อย่างไรก็ดีเนื่องจากข้อจำกัดด้านข้อมูล ทำให้ความแม่นยำและการคาดกาณ์ของผลกระทบที่ตามมานั้นก็ยังมีไม่มาก ทำให้มาตราการบางอย่างที่ดำเนินไปในช่วงปี 1766-67 นั้นส่งผลให้เกิดวิกฤตเงินฝืด (deflation) ตามมา
ปัจจุบันนี้ธนาคารกลางแห่งชาติสวีเดนภายใต้ชื่อ Swedish National Bank (Sveriges Riksbank) ที่ก่อตั้งเมื่อปี 1867 เพื่อรองรับความต้องการด้านการขยายกิจการ การกู้เงินจากบริษัทภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มีธนาคารอื่นๆในสวีเดนมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 30 แห่งในเวลานั้น
สกุลเงินใหม่ (ในเวลานั้น) เรียกว่า โครน่า (Swedish Krona) ก็ได้ถูกนำมาใช้กับระบบมาตรฐานทองคำในปี 1873 เช่นกัน (130 ปีก่อนที่ชาวสวีเดีนจะตัดสินใช้เงินตัวเองต่อไปแทนที่จะหันไปใช้ยูโร) เมื่อธนาคารได้รับสิทธิให้พิมพ์ธนบัตรอย่างเด็ดขาดแต่เพียงธนาคารเดียวในปี 1897 ก็ได้ทำให้ธนาคารได้กลายเป็นธนาคารกลางแห่งสวีเดนตามมาตรฐานสมัยใหม่ ในเวลาเดียวกันนี้ธนาคารแห่งชาติสวีเดนก็เป็นเพียงตัวแทนของ Riksdag และกษัตริย์ก็ทำหน้าที่เพียงแต่งตั้งประธานสำหรับคณะกรรมการของธนาคารเท่านั้น
ณ ปัจจุบันนี้ ธนาคารทำหน้าที่ดูแลเศรษฐกิจ ดำเนินนโยบายทางการเงินโดยมีเป้าหมายเงินเฟ้อที่ประมาณ 2% โดยธนาคารกลางแห่งชาติสวีเดนนี้ก็เป็นธนาคารกลางที่ได้รับความสนใจจากธนาคารกลางทั่วโลกที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ติดลบเป็นแห่งแรกของโลกเมื่อ 2 กรกฎาคม 2009.
ตราบใดที่ระบบเศรษฐกิจและธุรกิจยังคงดำเนินไปแบบนี้โดยมีรอบขึ้นลงของวงจรธุรกิจ (business cycle) โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ ธนาคารกลางก็จะยังคงมีความสำคัญในการดำเนินนโยบายการเงินต่างๆของแต่ละประเทศและของโลก ดังนั้นแล้วการเข้าใจบทบาทหน้าที่และผลกระทบจากการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆนั้นก็จะยังคงมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในปัจจุบัน และเราๆก็ควรที่จะติดตามบ้างเพื่อให้เห็นภาพของทิศทางของเศรษฐกิจโลกที่กำลังเป็นไป
ที่มา: https://www.riksbank.se/en-gb/.https://en.wikipedia.org/wiki/Sveriges_Riksbank
blenlit
Hakwamroo.com
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.