ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ สำหรับคนที่สนใจเรื่องเศรษฐกิจคงไม่พลาดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน Davos (เมืองหนึ่งในประเทศสวิสเซอร์แลนด์) นั่นก็คือการประชุมทางด้านเศรษฐกิจระดับโลก หรือ World Economic Forum นั่นเอง
ประวัติความเป็นมา
ในปี 1972 มีนักวิชาการที่เก่งเกินอายุชาวเยอรมัน อายุ 32 ปี และมีใบปริญญาถึงห้าใบจากทางด้านเศรษฐศาสตร์และวิศวกรรม (จะเรียนเยอะไปไหน) เป็นผู้ก่อตั้งการประชุมนี้ขึ้นมาที่ Davos แห่งนี้ (อารมณ์ประมาณรีสอร์ทสำหรับเล่นสกีของคนสวิสแห่งหนึ่ง)
นักวิชาการผู้นั้นก็คือ เคลาส์ ชเวป ต้องการใช้การประชุมสัมนานี้ในการผลักดันให้ธุรกิจของยุโรปคิดถึงผู้ที่มีส่วนได้เสียในบริษัทหรือธุรกิจให้ไกลเกินกว่าคนที่เป็นเจ้าของหุ้น และต้องการให้เขาเหล่านั้นสัมผัสถึงการบริหารแบบอเมริกาด้วย
ค่าธรรมเนียมสำหรับ 450 สมาชิกนั้นก็สร้างกำไรประมาณ 25,000 สวิสฟรังก์ (ประมาณ 75,000 ดอลลาห์เทียบกับเงินสมัยนี้) ซึ่งคุณชเวปเนี่ยใช้เป็นเงินสนับสนุนการประชุมการบริหารธุรกิจของยุโรป หรือ European Management Forum ซึ่งเป็นชื่อเรียกในสมัยนั้น โดยในปี 1987 ก็ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น World Economic Forum (WEF)
WEF นั้นดึงดูดธุรกิจต่างๆถึง 3,000 ธุรกิจ กลุ่มคนที่มีอำนาจและมีเงิน นักการเมือง ดาราหรือเซเลปต่างๆ นักข่าวตามสำนักต่างๆ แม้แต่คนที่ไม่สามารถเข้าร่วมได้ก็ไปวนเวียนอยู่แถวโรงแรมตามขอบๆของที่จัดประชุมนั้น ตอนนี้คุณชเวปอายุ 81 แล้ว เรียกว่าเป็นปู่คนนึง ก็ยังคงเป็นผู้ดูแลอยู่ และเมื่อ วันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา เขาก็ได้เปิดการประชุมครั้งที่ 50 นี้
WEF นั้นเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร รายได้ 42% นั้นเติบโตมาอย่างต่อเนื่องจนถึง 345 ล้านสวิสฟรังก์ (356 ล้านเหรียญดอลลาห์) ในปีล่าสุด และมีพนักงานถึง 800 คนแล้ว
ใครอยากเข้าร่วมเป็นสมาชิกก็ต้องจ่ายตัง
เงินส่วนใหญ่นั้นจะมาจากค่าธรรมเนียมรายปีจากสมาชิกต่างๆ โดยแต่ละสมาชิกจะจ่ายประมาณ 25,000 สวิสฟรังก์ต่อปี และพาร์ทเนอร์อีกสามระดับ ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยบริษัทใหญ่ๆจะเริ่มจ่ายที่ 120,000 สวิสฟรังก์ต่อปี สำหรับพาร์ทเนอร์ทางด้านกลยุทธ์นั้นจะจ่ายที่ 600,000 สวิสฟรังก์ต่อปี โดยนอกจากผลประโยชน์ที่ได้ปกติแล้วก็จะได้เข้าร่วม Davos passes จนถึง 5 ครั้ง และมีโอกาสที่ดีขึ้นในการเป็นคณะกรรมการด้วย เงินจากที่บริษัทต่างๆจ่ายนั้นก็จะช่วยให้ WEF สามารถเชิญนักวิชาการ นักสังคม และอื่นๆเข้าร่วม Davos ฟรี
อย่างไรก็ดี ไม่ใช่ทุกอย่างจะสวยหรู WEF ก็ถูกกล่าวหาว่า ไม่มีไอเดียใหม่ เพียงแค่ขยายผลจากไอเดียเดิมๆเท่านั้น หรือใช้เป็นที่ๆผู้มีอำนาจหรือมีเงินใช้ตกลงธุรกิจกัน หรือแม้แต่พยายามเอาประเด็นของคนอื่นมาจัดการเองโดยที่ตัวเองไม่ได้มีความชำนาญด้วยซ้ำ
เกือบครึ่งศตวรรษแล้ว ตอนนี้ WEF ก็มีความท้าทายอยู่สามอย่าง อย่างแรก WEF นั้นเป็นองค์กรที่ค่อนข้างโดดเดี่ยว ตอนนี้ WEF ต้องพยายามดึงความสนใจของบริษัทต่างๆมาเข้าร่วมเช่น TED, Milken Institute, และส่วนนึงของ Bloomberg ที่จัด New Economy Forum ในประเทศจีน ซึ่งวันนึงข้างหน้าก็อาจจะสามารถแข่งกับ WEF ได้
ความท้าทายอย่างที่สอง ถ้า WEF ถูกมองว่าเป็นความรุ่งเรืองในอดีตที่เหลืออยู่เท่านั้น คุณชเวปพยายามบอกว่า WEF เป็นผู้ได้แชมป์แรกๆในด้านทุนนิยมของผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงรุ่งเรืองและเฟื่องฟู แม้ว่านั่นจะดูเหมือนว่าจริง แต่ในสายตาของหลายๆคนนั้นตอนนี้ Davos ก็เป็นเพียงแค่การให้เกียรติพวกใหญ่ๆโตๆในอดีตเท่านั้นทางด้านทุนนิยมทั่วโลก ซึ่งก็กำลังจะโดนคนอื่นๆแซงแล้ว
และอย่างสุดท้าย แม้ว่าคุณชเวปจะไม่แสดงทีท่าใดๆที่จะลงจากสนามนี้แม้ว่าอายุจะ 81 เข้าไปแล้ว แต่ว่าเขาก็ไม่สามารถยืนอยู่ได้ตลอดไปแน่ๆ ซึ่งการที่การประชุมนี้ยึดอยู่ที่คนๆเดียวนี่ก็จะเป็นปัญหาแน่ๆ แม้ว่าจะมีผู้ช่วยหลายคนได้รับการฝึกฝนเพื่อขึ้นมาแทน แต่ที่ผ่านมาก็เพียงแค่โดนกดดันให้ลาออกไปหรือออกกันไปเอง
โฮเซ่ มาเรีย ฟิเกอเรส ผู้เคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของคอสตาริก้า ก็ลาออกจากการเป็น CEO ของ WEF ในปี 2004 หลังจากไม่สามารถเปิดเผยค่าธรรมเนียมในการให้คำปรึกษาได้ คุณชเวปบอกว่าแผนสำรองก็มีอยู่แต่ก็ไม่ยอมให้รายละเอียด บางคนคาดการณ์ว่าลูกชายของเขาที่ชื่อ โอลิเวียร์ ซึ่งตอนนี้เป็นหัวหน้าของฝ่ายปฏิบัติการอาจจะได้รับบทที่ใหญ่ขึ้นก็ได้ในอนาคต
ความพยายามที่จะให้นายๆทางด้านการเมืองและบริษัทต่างๆมาเข้าร่วมการประชุม WEF นี้อาจจะยากขึ้นเรื่อยๆถ้าท่านศาสตราจารย์ผู้นี้เลิกเล่นสกีแล้ว (เลิกดำรงตำแหน่งของ WEF บ้านเราอาจเรียกแขวนสตั๊ด) แม้ว่าเขาอาจจะทิ้งมรดกที่มีผู้เข้าร่วมชั้นนำจากประเทศต่างๆอันล้ำค่าของโลกไว้เบื้องหลังก็ตาม
อ้างอิง:
https://www.economist.com/business/2020/01/16/can-the-world-economic-forum-keep-its-mojo
https://www.weforum.org/events/world-economic-forum-annual-meeting-2020
https://en.wikipedia.org/wiki/World_Economic_Forum
blenlit
hakwamroo.com
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.