เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2019 ที่ผ่านมา บริษัทเจ้าของ iPhone อย่าง Apple ก็ได้ประกาศใช้บัตรเครดิตของตัวเองซักทีหลังจากที่มีการเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง Apple เอง กับ Goldman Sachs (ธนาคารเพื่อการลงทุน) ในการนำเสนอบัตรเครดิตนี้ ซึ่งหากใครที่มี iPhone ก็สามารถสมัครได้เลยและการ์ดจะส่งมาให้ในรูปแบบของแอพ ซึ่งในขณะนี้อาจจะยังถูกจำกัดอยู่ในเฉพาะอเมริกา แต่อนาคตก็มีโอกาสที่จะขยับขยายไปสู่ประเทศอื่นๆเช่นกัน
ทีนี้ก็น่าสงสัยว่าเครดิตคืออะไร
คำว่าเครดิต จริงๆบ้านๆอย่างเราๆก็น่าจะได้ยินคำนี้กันตั้งแต่สมัยเด็กๆ “คนนั้นเครดิตดี คนนี้เครดิตไม่ดี” ซึ่งโดยทั่วไปแล้วก็จะหมายถึงสัญญาที่ตกลงกันระหว่างผู้กู้ยืม (ผู้ขอเครดิต) กับผู้ที่ให้กู้ยืม (ผู้ให้เครดิต) โดยที่ผู้กู้ยืมสัญญาว่าจะคืนเงินให้กับผู้ที่ให้กู้ยืมในภายหลังตามวันที่กำหนดชำระที่ตกลงกันไว้ก่อนพร้อมกับดอกเบี้ย (interest) โดยปกติแล้วแต่ละธนาคารจะกำหนดดอกเบี้ยที่ไม่เท่ากันแต่ก็จะวิ่งอยู่ระหว่าง 12% – 20% ต่อปี (หยุดคิดสักนิด ลองนึกภาพว่าเงินเดือนเราขึ้นปีละกี่%)
เครดิต อีกความหมายหนึ่งก็คือว่าจะเป็นตัวที่ใช้ชี้วัดว่าบุคคลนี้มีสถานะความน่าเชื่อถือ (ที่จะปล่อยเงินให้กู้ยืม) มากแค่ไหน ซึ่งปกติแล้วก็ต้องดูจากประวัติการจ่ายเงิน สถานะการเงินของบุคคลหรือบริษัทนั้นๆในปัจจุบัน มีประวัติการชำระเงินที่ดีหรือจ่ายช้าตลอด
แต่ถ้าในความหมายทางบัญชีก็จะประมาณว่างบดุลของบริษัทมีการบันทึกการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของสินทรัพย์หรือหนี้สินและทุนส่วนผู้ถือหุ้นแค่ไหน
ในรูปแบบปกติธรรมดาที่สุดที่เราเห็นกันก็คือสมัยนี้ใครๆก็มีเครดิตในรูปแบบของบัตรเครดิต แม้แต่เด็กมหาลัยก็สามารถมีบัตรเครดิตได้กันหมดแล้ว เวลาอยากได้อะไรก็ไปรูดๆเอา ซึ่งวันที่รูดก็คือยังไม่ได้จ่ายเงิน แบบนี้เราก็เรียกว่าใช้เครดิตในการซื้อสินค้า เพราะสัญญาว่ารูดบัตรวันนี้ แล้วจะจ่ายคืนให้ภายหลังพร้อมดอกเบี้ย (หากเกินกำหนดชำระ)
นั่นก็เป็นเหตุผลนึงที่ใครๆ (แม้แต่ Apple เอง) ก็อยากจะเข้าสู่วงการการทำธุรกรรมแข่งกันแบบเลือดสาดแบบนี้ ที่เลือดสาดก็เพราะว่าเคยเห็นคนที่มีบัตรเครดิตเป็นสิบใบมั้ยครับ เครดิตดีจริงๆ (ประชด) เนื่องจากคนเกิน 50% ในอเมริกานั้นมักจะจ่ายช้าหรือจ่ายไม่เต็มจำนวนและต้องเสียดอกเบี้ยในแต่ละเดือน
อย่างไรก็ดี นอกจากค่าธรรมเนียมหรือดอกเบี้ยจากการชำระช้าหรือไม่เต็มจำนวนแล้ว การใช้บัตรเครดิตในการซื้อสินค้านั้นก็สะดวกทั้งผู้ถือซื้อนักช้อป และผู้ขายหรือร้านค้าต่างๆเนื่องจากว่าใช้งานง่าย ไม่ต้องพกเงิน ไม่ต้องมากังวลเรื่องการจัดการเงินสดต่างๆ
จำนวนเงินที่ผู้บริโภคหรือธุรกิจมีอยู่ที่สามารถจะกู้ยืมได้ก็เรียกว่าเครดิตเหมือนกัน เช่น เราๆคงเคยมีธนาคารต่างๆโทรมาเสนอเงินก้อนให้บ้างเสนอบัตรเครดิตให้บ้าง ไม่ต้องมีค่าธรรมเนียมรายปี ไม่ต้องมีการกำหนดขั้นต่ำยอดจ่ายในแต่ละปี ดอกเบี้ยต่ำเอย (ซึ่งไม่ต่ำจริงเพราะคนโทรมามักจะบอกตัวเลขดอกเบี้ยเป็นต่อเดือน) หากใครเคยมีคนเหล่านั้นโทรมาให้ข้อเสนอแบบนี้ก็บอกเลยว่าท่านเป็นคนที่มี “เครดิต” ระดับนึง
หรือแม้แต่การที่เราได้ใช้บริการอะไรก่อนแล้วจ่ายทีหลัง นั่นก็คือเครดิตเหมือนกัน เช่น เราได้ใช้อินเตอร์เน็ตบ้านก่อน ได้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือ ค่าโทร ค่าเน็ต ค่าน้ำ ค่าไฟก่อน แล้วก็ค่อยจ่ายคืนแบบรายเดือน ซึ่งหลายๆคนก็คงเหมือนผมก็จะมีลืมจ่ายกันไปบ้าง จ่ายช้านิดๆหน่อยๆบ้างอ่ะเนาะ หรือแม้แต่บางท่านก็มีเครดิตกับร้านโชว์ห่วยสะดวกซื้อทั้งหลาย กินก่อน ดื่มก่อน จ่ายทีหลังอะไรแบบนี้ ก็เรียกว่ามีเครดิตเช่นเดียวกัน
ในทางบัญชีก็คือการเพิ่มขึ้น (credit) หรือลดลง (debit) ในงบดุล (balance sheet) ของสินทรัพย์ (assets) หรือ หนี้สิน (liabilities) ของบริษัทดังที่กล่าวไปแล้วเช่นกัน เช่น บริษัท A มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากการดำเนินงาน
จากที่กล่าวไปข้างต้นจะเห็นว่าเครดิตนั้นมีได้หลายรูปแบบ แต่รูปแบบที่เราพบเห็นกันได้บ่อยสุดนั่นก็คือเครดิตจากธนาคารในแง่ทางการเงินนั่นเอง ซึ่งก็มองไปถึงสินค้าที่เรารู้จักกันดีก็คือ เครดิตกู้บ้าน เครดิตกู้รถ เงินค้ำประกัน หรือวงเงินเครดิตที่เรามีในรูปแบบต่างๆ เมื่อธนาคารปล่อยกู้เงินต่างๆก็คือให้เครดิตกับผู้ยืมที่ต้องจ่ายคืนในอนาคต หรือในแง่ธุรกิจ ทาง supplier ทั้งหลายก็ส่งสินค้าให้ก่อนแล้วค่อยเก็บเงินในภายหลังก็เป็นการให้เครดิตเช่นกัน
สรุปก็คือ เครดิต มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อเสียก็คือดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายนั้นไม่ถูกเลย ปีละ 12%-20% ยิ่งการกู้นอกระบบอาจจะโดนดอกเบี้ยปีละ 36% เลยทีเดียว (จะเอาปัญญาไหนไปใช้คืน) เครดิตอาจจะหมายถึงความน่าเชื่อถือของบุคคลหรือบริษัทนั้นโดยดูจากประวัติการชำระเงิน และในทางบัญชี เครดิตก็คือการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของสินทรัพย์หรือหนี้สินในงบดุลของบริษัท
เครดิตเป็นสิ่งที่มีพลัง แต่มันก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบนะครับ มีเครดิตดี เหมือนมีพลัง แต่หากไร้ความรับผิดชอบแล้ว ความฉิบหายอาจจะมารัดคอโดยไม่ทันตั้งตัวก็ได้ครับ ก็ขอให้มีสติในการใช้เครดิตครับ
อ้างอิง:
https://www.investopedia.com/terms/c/credit.asp
https://www.macrumors.com/guide/apple-card/
blenlit
hakwamroo.com
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.