วันนี้หัวข้ออาจจะดูล่อแหลมสักหน่อยแต่ขอย้ำตั้งแต่ต้นเลยว่าตามกฏหมายไทยนั้นกัญชา ฝิ่น หรือกระท่อม ยังถือว่าเป็นสิ่งที่ผิดกฏหมายและหากผู้ใดครอบครองก็จะมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี
โอเค ไปต่อได้ ทีนี้เราคงได้ยินกันมานานแล้วถึงผลประโยชน์ของกัญชาในด้านการแพทย์ว่ามีคุณสมบัติที่ช่วยผู้ป่วยในโรคพาคินสัน มะเร็ง โรคลมชัก และโรคออทิสติก ประวัติศาสตร์ของไทยกับพืชกัญชา (marijuana plant) ในไทยนั้นเคยถูกใช้ในการช่วยลดความเจ็บปวด อาการเวียนหัวคลื่นไส้ ความหดหู่ระหว่างการให้กำเนิดบุตร
จากเว็บไซท์ของ Bloomberg นั้นมีการกล่าวถึงว่าประเทศไทยเราอาจจะเป็นประเทศแรกในเอเชียที่กัญชาสำหรับใช้เพื่อการแพทย์นั้น (ย้ำครับว่าเพื่อการแพทย์ ไม่ใช่เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ กรณีนั้นยังไม่ต้องดีใจกันครับ) จะมีการทำให้ถูกกฏหมายเลยทีเดียว
แม้ว่าไทยเราจะมีนโยบายที่เข้มงวดด้านยาเสพติด แต่เรื่องนี้ก็มีการนำแนวทางเรื่องการทำกัญชาให้ถูกกฏหมายนี้มาจากแคนาดาและประเทศอื่นๆ
เหตุผลก็คือด้านเศรษฐกิจนี่แหละ ในช่วงปี 1980 ประเทศไทยเป็นประเทศอันดับต้นๆของโลกในการส่งออกกัญชา (cannabis) เราก็อยากจะมีส่วนร่วมมั่ง เพราะมูลค่าตลาดของกัญชานั้นสูงถึง 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว
และเมื่อมีประเทศอื่นๆเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆที่เริ่มเห็นประโยชน์ด้านการแพทย์ของกัญชา ดังนั้นแล้วสถาบันวิจัยระบบสาธารณะสุข (Government Phamaceutial Organisation: GPO) ภายใต้การควบคุมของกระทรวงสาธารณะสุข ก็พยายามชักจูงรัฐบาลนี้ให้อนุมัติการศึกษาผลประโยชน์ของมันเพื่อที่ว่าจะหาโอกาสทำเงินให้กับประเทศและสามารถนำไปใช้ทางการแพทย์ได้อย่างเหมาะสม
“สายพันธุ์ของกัญชาที่ดีที่สุดเมื่อ 20 ปีที่แล้วนั้นมาจากประเทศไทย และตอนนี้แคนาดาก็ได้พัฒนาสายพันธุ์นี้มาจนถึงวันนี้ เราไม่สามารถกล่าวอ้างว่าสายพันธุ์ของเรานั้นดีที่สุดในโลกได้อีกต่อไป เราจึงต้องทำการพัฒนาสายพันธุ์ของเราเองเพื่อที่จะแข่งขันกับของคนอื่นได้” นายแพทย์นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณะสุข ได้กล่าวไว้
ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีได้ให้ไฟเขียวในการแก้ไขกฏหมายด้านยาเพื่อที่จะยอมให้มีการศึกษาวิจัยที่ผลกระทบของกัญชาต่อมนุษย์ในทางการแพทย์ อย่างไรก็ดี ขณะนี้ก็ยังต้องมีการถกเถียงกันอยู่และอาจใช้เวลาถึงเก้าเดือนก่อนที่จะเป็นกฏหมายได้
มีการคาดการณ์ว่าตลาดกัญชานั้นจะมีมูลค่าถึง 23,000 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2022 คิดเป็นอัตราการเติบโตถึง 22% เลยทีเดียว (จาก ArcviewMarket Research).
โดยมูลค่าตลาดขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 12,900 ล้านเหรียญสหรัฐ นำโดยอเมริกา แต่ในอีกสี่ปีข้างหน้า แคนาดาและรัฐแคลิฟอเนียคาดการณ์ว่าจะกินส่วนแบ่งตลาดขึ้นไปถึง 41% ของตลาดโลกทั้งหมดเลยทีเดียว
อุรุกวัยและแคนาดานั้นเป็นผู้นำในด้านการใช้กัญชาเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ โดยเยอรมันนั้นได้ใช้ในด้านการแพทย์แล้วเมื่อปีที่ผ่านมา
จากศูนย์วิจัยของกรุงศรีนั้นบอกว่าบริษัทยาใหญ่ๆในประเทศไทยนั้นมีทั้ง Pfizer, Novartis และ GlaxoSmithKline ทำรายได้ถึง 20,000 ล้านบาทในปี 2015 สินค้าที่มีมูลค่าสูงสุดนั้นก็คือ ยาแก้ปวด แก้ไข้
สำหรับนักลงทุน การจะลงทุนในบริษัทเหล่านี้ที่ดูแล้วอนาคตตลาดจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว แต่ก็อาจจะรู้สึกขัดกับศีลธรรมเล็กๆคล้ายๆกับการลงทุนในบริษัทที่ผลิตบุหรี่ เหล้า เบียร์ หรือเครื่องดื่มมีแอลกอฮอลทั้งหลายแหล่
อันนี้…ก็คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของศีลธรรมในใจของแต่ละบุคคลละกันนะครับ
อย่างที่ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง เคยกล่าวไว้ว่า “You can’t legislate morality; You have to change hearts first”
“คุณไม่สามารถออกกฏหมายให้คนมีศีลธรรมได้ คุณต้องเปลี่ยนใจ(คน) ก่อน”
อ้างอิง:
https://www.krungsri.com/bank/getmedia/d8df53cd-070b-4b82-856a-691c12c0a806/IO_Pharmaceutical_2017_EN.aspx
https://www.bloomberg.com/news/articles/2018-07-16/thailand-looks-to-endorse-medical-pot-yet-keep-anti-drug-laws
www.matichon.co.th/article/news_1035485
arcviewgroup.com/
www.thegospelcoalition.org/blogs/justin-taylor/martin-luther-king-response-to-you-cant/
blenlit
Hakwamroo.com
jj
Good info. Thanks 😀