“Safe withdrawal rate” หรืออัตราส่วนที่มูลค่าเงินที่เรามีควรจะหดตัวลง 3.3% ต่อปีจาก 4% รายงานจาก Morningstar บทความโดย Suzanne Woolley
กฏง่ายๆหรือ rule of thumb ว่าชาวอเมริกันที่จะเกษียณนั้นสามารถถอนเงินได้อย่างปลอดภัยในแต่ละปีเป็นเงินเท่าไหร่โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าจะเงินหมดก่อนตาย
ใครก็ตามที่กะจะเกษียณใน 10-20 ปีข้างหน้าควรจะคาดหวังที่จะถอนเงินออกมาใช้จากเงินออมปีละ 3.3% เท่านั้น ซึ่งก็ลดลงจากตัวเลขที่เคยเชื่อกันมาที่ 4% ก่อนหน้านี้ โดยวางแผนว่าจะใช้เวลาประมาณ 30 ปีหลังเกษียณ ข้อมูลตีพิมพ์โดย Morningstar Inc เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
สำหรับคนที่มีพอร์ตการลงทุนมูลค่าประมาณ 1 ล้านเหรียญนั้น มันก็ลดลงจาก 40,000 เหรียญต่อปีมาเป็น 33,000 เหรียญต่อปี ด้วยเงินจากบำนาญหรือประกันสังคมต่างๆในอดีตที่มีความเสี่ยงที่จะถูกตัดลงแล้ว มันก็ไม่ค่อยมีอะไรมาให้คนสบายใจที่จะพึ่งพาหลังเกษียณนักที่อาจจะใช้เงินออมหมดก่อน
จากกราฟด้านล่างจะเห็นว่าผลตอบแทนในช่วงจากปี 2021 นี้ไปถึง 2050 นั้นมีการคาดการณ์ว่าจะเหลืออยู่แค่ 2.74% ต่อปีเท่านั้น
แม้ว่าคนที่เกษียณในช่วง 15 ปีที่ผ่านมานั้นจะมีความขรุขระบ้าง แต่คนที่จะเกษียณอายุในวันนี้จะเจอความลำบากมากกว่า “เงื่อนไขต่างๆในทุกวันนี้ทำให้ต้องมีการคิดไปข้างหน้าและวางแผนมากกว่าในอดีต เมื่อการประเมินมูลค่าอยู่ในระดับที่ต่ำและผลตอบแทนที่สูงจะเป็นตัวเบิกทางไปสู่ผลตอบแทนในอนาคต” จากรายงานดังกล่าว
การบริหารจัดการการลงทุนของ Morningstar ในช่วง 30 ปีและมีการปรับอัตราเงินเฟ้อแล้วจะมีประมาณการณ์ผลตอบแทนของหุ้นที่มีมูลค่าตลาดใหญ่ๆของอเมริกาที่ 2.74% ประมาณการณ์ของพันธบัตรเกรดลงทุนนั้นติดลบ -0.11%
ส่วนกฏ 4% นั้นก็มาจากการศึกษาในปี 1994 ที่ดูข้อมูลทุกๆช่วงเวลา 30 ปีตั้งแต่ปี 1926 ซึ่งจากการศึกษาก็พบว่าผู้เกษียณอายุที่มีพอร์ตการลงทุนโดยมีสัดส่วน 50% จากหุ้น และ 50% จากพันธบัตรนั้นสามารถถอนเงินออกจากพอร์ตได้ปีละ 4% จากมูลค่ากองทุนเริ่มต้น ซึ่งมีการปรับอัตราเงินเฟ้อเข้าไปแล้ว โดยไม่ทำให้พวกเขาตายก่อนเงินหมดได้
ซึ่งตอนนี้อัตราถอนเงินดังกล่าวก็เหลือ 3.3% ละ ซึ่ง Morningstar ก็บอกว่านี่พวกเขาอนุรักษ์นิยมแล้วนะ ผู้ให้คำปรึกษาทางการเงินส่วนใหญ่นั้นแนะนำผู้เกษียณให้ใช้วิธีการที่ยืดหยุ่นกว่า บางทีการที่จะเอาเงินลงทุนทั้งหมดออกมามากกว่าตัวเลขดังกล่าวในปีที่ตลาดนั้นมีผลประกอบการที่ดี และเอาออกมาน้อยหน่อยในปีที่ตลาดย่ำแย่ อาจจะทำให้เหล่าผู้เกษียณมีแนวโน้มที่จะใช้เงินหมดก่อนที่พวกเขาจะเสียชีวิต การที่ยึดติดอยู่กับตัวเลขที่แน่นอนทุกปีในการถอนเงินออกมาอาจจะทำให้ลูกหลานของพวกเขามีโอกาสได้เงินมาใช้บ้าง
“หัวใจหลักสำหรับเรื่องนี้สำหรับเหล่าผู้เกษียณก็คือว่าต้องมีระเบียบแบบแผนนิดนึง” กล่าวโดย Christine Benz ผู้อำนวยการของ Morningstar เกี่ยวกับการเงินส่วนบุคคล เพื่อที่จะให้ได้อัตราการถอนเงินสูงขึ้นในระดับที่ปลอดภัย “บางทีคุณอาจจะรอการเรียกเงินจากประกันสังคมสักสองปี หรือบางทีคุณไม่ต้องปรับอัตราเงินเฟ้อเข้าไปด้วยทุกปี” หล่อนกล่าวไว้
และเหล่าผู้เกษียณก็ควรจะมีกลยุทธ์แบบแผนนิดนึงว่าควรจะถอนเงินจากบัญชีไหนในแต่ละปี “เนื่องจากว่าหากผลตอบแทนในพอร์ตนั้นต่ำ การบริหารภาษีก็จะมีผลมากกว่า” กล่าวโดย Benz
ส่วนสำหรับคนไทยก็อาจจะไม่จำเป็นต้องมีถึง 1 ล้านเหรียญ (หรือ 33 ล้านบาทโดยประมาณ) เพื่อที่จะเกษียณเนื่องจากค่าครองชีพในประเทศเราก็ยังถือว่าต่ำกว่าอเมริกาพอสมควร หากคิดง่ายๆว่าเราใช้ตัวเลข 30 ปีหลังเกษียณเหมือนกัน
เงิน 33 ล้านบาทก็จะคิดเป็นเงินที่สามารถใช้ได้เดือนละ 91,600 บาทโดยประมาณ ซึ่งแค่การมีเงินใช้เดือนละ 4-5 หมื่นบาทต่อเดือนหลังเกษียณ ก็ถือว่าอยู่สบายมากแล้วในบ้านเราที่คนส่วนใหญ่มีรายได้เพียง 7 พันเหรียญต่อปีหรือประมาณไม่ถึง 2 หมื่นบาทต่อเดือน ก็อยู่ที่สไตล์การใช้ชีวิตของใครแต่ละคนเหมือนกันเนาะ
อ้างอิง:
Retirement Safe Withdrawal Rate: Only $33,000 a Year With $1 Million Portfolio – Bloomberg
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.