พยายามเข้าใจ การลงทุน การเงิน และระบบเศรษฐกิจ

Economics

Gini Coefficient คืออะไร?

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หากท่านใดมีโอกาสได้เห็นหรือได้อ่านรายงานความมั่งคั่งทั่วโลก (Global Wealth Report 2018) ของ Credit Suisse อาจจะตกใจอยู่อย่างนึงคือ ประเทศไทยเราเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำมากที่สุดในโลกไปซะแล้วหรือนี่ โดยจากรายงานฉบับนี้บอกว่าคนไทย 1% นั้นถือครองทรัพย์สินของประเทศมากถึง 66.9% (จากตาราง 6.5 หน้า 165)

พอได้อ่านแล้วหลายคนอาจจะเกิดอาการท้อแท้ในชีวิตขึ้นมาได้ แต่ใจเย็นก่อนนะ หลังจากมีรายงานนี้ออกไปไม่นานนัก ทางตัวแทนรัฐบาลก็ได้ออกมาแย้งว่ารายงานฉบับนี้ไม่เป็นความจริงและใช้ข้อมูลตั้งแต่ปี 2006 นู่น แถมยังบอกอีกว่าจริงๆแล้วความเหลื่อมล้ำของประเทศไทยเรานั้นลดลงด้วยซ้ำไปนะ

เราก็ไม่รู้อะไรจริงไม่จริงเนาะ แต่เหตุการณ์นี้ก็ทำให้นึกถึงค่าสัมประสิทธิ์ค่านึงที่หลายท่านอาจจะเคยได้ยินมาบ้างก็คือ Gini Coefficient ซึ่งก็ต้องไปหาอ่านจาก wikipedia เช่นเคยว่ามันคืออะไร (สมัยนี้ค้นหาอะไร wikipedia ก็ขึ้นมาก่อนตลอดเลยเนาะ) 

Gini Coefficient ก็คือค่าดัชนีทางสถิติที่ใช้วัดการกระจายรายได้หรือความมั่งคั่งของประชากรในประเทศ และมักจะถูกใช้เป็นค่าที่บ่งบอกถึงความเหลื่อมล้ำ (inequality) ทางรายได้และการบริโภคของคนในประเทศได้ โดยมีค่าระหว่าง 0 กับ 1 โดย 0 จะบอกว่าประเทศนี้ไม่มีความเหลื่อมล้ำด้านรายได้เลย ในขณะที่ 1 จะบอกว่าประเทศนี้มีความเหลื่อมล้ำกันสูงที่สุด (สุดโต่งก็คือคน 1 คน ย้ำ 1 คนในประเทศ ถือครองทรัพย์สิน 100% ของทั้งประเทศในขณะที่คนอื่นๆไม่มีเลย ซึ่งก็คงไม่มีประเทศไหนเป็นแบบนี้)

โอเค ทฤษฎีเยอะเดี๋ยวจะเริ่มพูดไม่รู้เรื่อง แล้วค่า Gini Index (0 คือไม่เหลื่อมล้ำกันเลย 100 คือเหลื่อมล้ำกันมากที่สุด) ของประเทศไทยอยู่ที่เท่าไหร่ล่ะตอนนี้

จากเว็บไซท์ของ World Bank หรือธนาคารกลางของโลก ข้อมูลล่าสุดปี 2015 บอกว่าเราอยู่ที่ 36.0 โดยเป็นการลดลงมาจาก 45.2 ในปี 1981 (ตามกราฟด้านล่าง)

https://data.worldbank.org
https://data.worldbank.org

แหม่ ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อยที่ค่ามันลดลงเรื่อยๆในช่วง 34 ปีที่ผ่านมา แต่เอาจริงๆเราก็คงไม่รู้ว่าข้อมูลของแหล่งไหนเป็นข้อมูลที่สะท้อนความเป็นจริงของความเหลื่อมล้ำในประเทศเราได้อย่างชัดเจนที่สุดกันแน่ ดังนั้นหาอ่านไวจากหลายๆแหล่งก็ดีครับ แต่ท้ายที่สุดยังไงเราก็ไม่ควรจะไปหมกมุ่นหรือให้ตัวเลขเหล่านี้มีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของเราได้นะครับ

ในโลกที่เปลี่ยนไปตลอดเวลาแบบนี้ ยังไงเราก็ต้องขวนขวายหาความรู้ไม่ว่าจะเพื่อการทำธุรกิจหรือเพื่อการลงทุน เพื่อที่จะทำให้เราสามารถปรับตัวให้ทันยุคทันสมัยทันเทคโนโลยีต่างๆ จะได้ตัดสินใจได้อย่างดีที่สุดในยุคนี้ที่เขามักจะเรียกกันว่า “Data is the new Oil” หรือข้อมูลในยุคนี้ก็เหมือนน้ำมันดิบในยุคก่อน ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดครับ

อ้างอิง:

https://www.credit-suisse.com/corporate/en/research/research-institute/global-wealth-report.html

https://www.thaipost.net/main/detail/23750

https://en.wikipedia.org/wiki/Gini_coefficient

https://data.worldbank.org/indicator/SI.POV.GINI?end=2015&locations=TH&start=1981&view=chart 

Leave a Reply

%d bloggers like this: