เมื่อ 2-3 วันที่แล้ว ปู่เรย์ ดาลิโอ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เช่นเคย แต่อยากจะนำเสนอประเด็นหนึ่งก็คือ Delayed gratification หรือภาษาไทยน่าจะใกล้เคียงกับการชะลอความสุข หรือการยับยั้งชั่งใจ หรือทำนองอดเปรี้ยวไว้กินหวาน นั่นเอง
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการลงทุน?
Delayed gratification ก็คือการฝึกฝนแบบหนึ่งในการรู้จักอดทนอดกลั้นเพื่อรอให้ได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นในอนาคตมากกว่าที่จะเอาความสุขในตอนนี้เดี๋ยวนี้ ซึ่งในแง่ของการลงทุนนั้น มันก็จะช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถที่จะประสพความสำเร็จหรือเข้าสู่เป้าหมายทางการเงินที่วางไว้ในระยะยาวได้
ผลประโยชน์ที่น่าจะสำคัญที่สุดเป็นอย่างแรกเลยก็คือการรู้จักอดทนอดกลั้นเนี่ยจะช่วยให้ผู้ลงทุนนั้นสามารถเก็บเงินได้มากขึ้นแน่นอน ด้วยการที่ไม่ใช้จ่ายเงินไปตามกิเลสหรือความอยากในปัจจุบันทันที ก็จะช่วยให้ตนเองนั้นสามารถนำเงินก้อนที่เก็บได้นี้สามารถนำไปลงทุนเพื่อให้เงินเติบโตขึ้นในระยะยาวได้ ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนนั้นสามารถสร้างเงินสำรองไว้สำหรับค่าใช้จ่ายที่สำคัญๆในอนาคตได้ด้วย เช่น การเกษียณ การซื้อบ้าน หรือเป็นทุนการศึกษาให้กับลูกๆได้ และมากไปกว่านั้น ยิ่งคุณมีเวลา ยิ่งเริ่มเก็บเงินตั้งแต่ยังอายุน้อย ก็ยิ่งสามารถใช้ผลประโยชน์จากผลตอบแทนทบต้นได้อีกด้วย (compound interest) ซึ่งจะช่วยให้เงินออมนั้นเติบโตได้เร็วขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
ผลประโยชน์อีกข้อของ delayed gratification ก็คือมันสามารถช่วยให้นักลงทุนเลือกตัดสินใจลงทุนที่ดีขึ้นได้ด้วย เมื่อลงทุนเพื่อระยะยาว มันเป็นการสำคัญที่ต้องให้ความสำคัญกับข้อมูลจำพวกพื้นฐาน (fundamentals) เช่น ความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัท ความสามารถของทีมผู้บริหาร และโอกาสที่จะเติบโตของบริษัทในอนาคต การรู้จักอดทนอดกลั้นนั้นจะช่วยให้นักลงทุนสามารถยับยั้งชั่งใจต่อการตัดสินใจลงทุนแบบหุนหันพลันแล่นที่ถูกกระตุ้นจากพื้นฐานแนวโน้มของตลาดในระยะสั้นหรือข่าวที่เกี่ยวข้อง แต่จะสามารถช่วยให้นักลงทุนเลือกวิธีการลงทุนที่มีแบบมีแผนมีการไตร่ตรองที่มากขึ้นด้วยการให้ความสำคัญกับโอกาสในระยะยาวของพอร์ตการลงทุนและก็มีการปรับเปลี่ยนแบบแผนตามที่จำเป็น
ยิ่งไปกว่านั้น การรู้จักยับยั้งชั่งใจยังช่วยให้ตัวเองนั้นลดความเสี่ยงทางการสูญเสียทางการเงินด้วย การที่นักลงทุนไม่เอาเงินทุกบาททุกสตางค์ที่เก็บออมไว้ไปลงทุนในตลาดหุ้นทั้งหมดในครั้งเดียวยังเป็นการช่วยลดผลกระทบจากความไม่แน่ไม่นอนของตลาดที่จะส่งผลกระทบต่อพอร์ตการลงทุนของตนเองอีกด้วย ก็คือนักลงทุนสามารถกระจายการลงทุนของเขาออกไปเป็นช่วงๆซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากการสูญเสียมูลค่าในจำนวนที่มากในครั้งเดียวอันเนื่องมาจากการที่ตลาดตกต่ำ และการที่มีพอร์ตการลงทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงออกไปแล้วนั้น นักลงทุนจะสามารถลดความเสี่ยงจากการลงทุนที่ไม่สร้างผลตอบแทนที่ดีนัก
การรู้จักยับยั้งชั่งใจยังช่วยให้นักลงทุนนั้นลดผลกระทบจากภาษีจากการลงทุนของตัวเองด้วย (ซึ่งบ้านเราก็กำลังจะเก็บภาษีจากการขายหุ้นในเร็วๆนี้แล้ว) ก็คือการที่นักลงทุนไม่ขายหุ้นหรือการลงทุนอันใดออกไปในเวลาที่สั้นเกินไปนั้น พวกเขาก็ยังจะได้ประโยชน์จากภาษีสำหรับการขายหุ้นในระยะยาวอีกด้วย และยิ่งการถือครองการลงทุนนั้นในระยะยาว นักลงทุนก็อาจจะได้ประโยชน์จากภาษีที่เลื่อนออกไปหรืออาจจะไม่เสียภาษีมากขึ้นก็ได้ (บ้านเราอาจจะไม่ได้มีภาษีทำนองนี้) ซึ่งก็จะช่วยให้การลงทุนนั้นเติบโตเร็วขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
ท้ายที่สุดแล้ว การรู้จักยับยั้งชั่งใจยังใจให้ตนเองสามารถเข้าสู่อิสรภาพทางการเงินได้อีกด้วย ด้วยการลงทุนในระยะยาวและกระจายการลงทุนของพอร์ตอย่างเหมาะสม นักลงทุนอาจจะสร้างรายได้ที่เกิดขึ้นจากการลงทุนอย่างสม่ำเสมอช่วยให้เข้าถึงอิสรภาพทางการเงินเร็วขึ้นอีกด้วย การที่โฟกัสเป้าหมายทางการเงิน และการหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายที่หุนหันพลันแล่น ตัวเองก็จะหลีกเลี่ยงการก่อหนี้ที่ไม่จำเป็นและสร้างอนาคตทางการเงินที่มั่นคงให้กับตัวเองและครอบครัวด้วย
โดยสรุปแล้ว delayed gratification นั้นถือเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับแต่ละบุคคลที่มองหาโอกาสที่จะลงทุนในระยะยาว ด้วยการเก็บออมที่มากขึ้น การตัดสินใจลงทุนที่ฉลาดและรอบคอบขึ้น ช่วยลดความเสี่ยง ได้ประโยชน์จากภาษี และเข้าสู่อิสรภาพทางการเงิน และช่วยเพิ่มโอกาสให้เข้าสู่เป้าหมายทางการเงิน ด้วยการใช้เวลาที่จะลงทุนให้กับอนาคตของตัวเอง ก็จะสามารถสร้างอนาคตทางการเงินที่มั่นคงและมีโอกาสรุ่งเรืองสำหรับตัวเองและครอบครัวได้
ดังที่ปู่เรย์กล่าวไว้ในบทสัมภาษณ์ว่า เมื่อคุณรู้จักยังยั้งชั่งใจและมีเงินลงทุน คุณก็จะคิดแตกต่างออกไป ว่าเมื่อมีเงินแล้ว และจะเริ่มคิดแตกต่างออกไปเองว่า แล้วเราจะเอาเงินไปเก็บที่ไหน แล้วลงทุนในอะไรดีล่ะ
อ้างอิง:
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.