ณ เวลานี้คงมีแต่คนติดตามข่าวเรื่องของไวรัสตัวใหม่นามว่าโคโรน่าที่มีคนติดโรคเกินกว่าสามหมื่นเจ็ดพันคนและเสียชีวิตไปมากกว่าแปดร้อยคนแล้วทั่วโลก
ทางสำนักข่าว Bloomberg ก็ได้ทำแผนภูมิว่าไวรัสตัวนี้นั้นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกได้อย่างไรบ้าง ก็น่าสนใจทีเดียวที่เราจะไปอ่านกัน
ประเทศจีนนั้นก็มีความพยายามอย่างหนักหน่วงที่จะกักกันเจ้าไวรัสโคโรน่าตัวนี้ไม่ให้แผล่หลายไปมากกว่านี้เนื่องจากว่าใครที่เป็นแล้วก็มีโอกาสเสียชีวิตได้เลยทีเดียว และก็ค่อนข้างเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าผลกระทบจากไวรัสตัวนี้จะส่งผลทางด้านเศรษฐกิจไปยังทั่วโลกเลยทีเดียว
ในแต่ละจังหวัดเมื่อนับรวมแล้วคิดเป็น 69% ของ GDP ของประเทศจีนนั้นก็มีการขยายให้หยุดยาวต่อเนื่องอีกหนึ่งสัปดาห์ในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมาก โรงงาน ร้านอาหาร และร้านค้าต่างๆก็มีการสั่งให้ปิด เรือส่งสินค้าก็ค้างอยู่ที่ท่าเรือ และส่งผลให้การใช้จ่ายภาคครัวเรือนหดตัวลงไปด้วย
การห้ามเดินทางก็ส่งผลกระทบต่อประชากรจำนวน 48 ล้านคนเลยทีเดียว และยิ่ง Wuhan นั้นเป็นเมืองศูนย์กลางทางเดินการผลิตและการขนส่งก็ได้รับผลกระทบสูงสุดเนื่องจากว่าเจ้าไวรัสนี่ก็เกิดขึ้นจากเมืองนี้นี่แหละ
ผู้ผลิตรายใหญ่หลายร้อยรายก็จะมีส่วนเกี่ยวข้องต่อการส่งสินค้าไปยังทั่วโลกก็ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ค่อนข้างรุนแรง
Robert Bosch GmbH ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลก ต้องปิดโรงงานจำนวนสองโรงงานที่มีคนงาน 800 คนใน Wuhan ลง ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รายอื่นๆรวมไปถึง Honda Motor Co., Ltd และ Nissan Motor Co. Ltd., ก็ได้ปิดสำนักงานในเขน Wuhan ลงเช่นกัน
และเนื่องจากว่าการแพร่กระจายของไวรัสนั้นเริ่มมาจาก Wuhan จังหวัดต่างๆที่เป็นแหล่งส่งสินค้าออกก็ต้องหยุดยาวเพิ่มขึ้นไปด้วย บริษัทหลายๆแห่งก็ได้เพิ่มความระมัดระวังการแพร่กระจายของไวรัสนี้
จีนเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลกสำหรับสินค้าที่จะนำไปประกอบหรือแปรรูปต่อหรือการนำไปขายต่อในอุตสาหกรรมต่างๆอย่างมากมาย ดังนั้นปัญหาการติดขัดนี้ จึงค่อนข้างสั่นสะเทือนไปยังการจัดส่งสินค้าทั่วโลกเลยทีเดียว และทั่วโลกนั้นต้องพึ่งพาวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนจากจีนนั้นเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวไปอยู่ที่ 20% เลยทีเดียวจากปี 2005 ถึง 2015
การนำส่งสินค้าทางฝั่งประเทศเอเชียนั้นจะนำเข้าสินค้าเหล่านี้คิดเป็นประมาณ 40% จากจีน ก็จะได้รับผลกระทบใหญ่สุด (จากการวิเคราะห์เศรษฐกิจของ Bloomberg ที่ได้ข้อมูลล่าสุดจาก องค์กรเพื่อการร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ OECD) ในขณะที่อเมริกานั้นจะนำเข้าสินค้าที่จะนำไปเป็นวัตถุดิบ (intermediate goods) ต่อไปที่ 10% จากโรงงานประเทศจีน
นักเศรษฐศาสตร์ของ Bloomberg เมว่า คูซิน บอกไว้ว่า “การจะหาทางเลือกอื่นสำหรับสินค้าเหล่านี้จะค่อนข้างยากเนื่องจากจีนนั้นค่อนข้างจะเป็นผู้ผลิตที่ครองส่วนแบ่งตลาดสูงในระดับโลก”
แม้ว่าจะมีการพยายามกักกันไวรัสนี้ การเจริญเติบโตของ GDP ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้อาจจะหล่นไปอยู่ที่ 4.5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (จากนักเศรษฐศาสตร์ของ Bloomberg) ซึ่งนั้นก็จะเป็นตกลงจาก 6% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2019 และก็จะต่ำสุดตั้งแต่มีการเก็บตัวเลขมาตั้งแต่ปี 1992 เลยทีเดียว
ขนาดเศรษฐกิจของประเทศจีนในขณะนี้คิดเป็นประมาณ 7% ของ GDP ทั่วโลก และเป็นคู่ค้ารายใหญ่สุดของประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่รอบๆจีน กลุ่มประเทศที่ต้องพึ่งพามากสุดก็จะได้รับผลกระทบหนักสุด
ฮ่องกงตอนนี้ก็จะมีการเติบโตเพียง 1.7% เท่านั้นในไตรมาสแรก (จากการประเมินของ Bloomberg) เกาหลีใต้และเวียดนามที่ได้รับผลประโยชน์ทางด้านการท่องเที่ยวจากจีน ก็จะได้รับผลกระทบประมาณ 0.4% ในการเติบโตอันใกล้นี้ ออสเตรเลียและบราซิลที่ส่งสินค้าจำพวก commodity ให้กับจีนก็อาจจะเห็นการเจริญเติบโตหายไปประมาณ 0.3% หากเทียบกับกรณีที่ไม่เกิดไวรัสระบาดนี้
แม้ว่าผู้กำหนดนโยบายและประธานบริษัทต่างๆจะยังบอกว่ามันยังเร็วไปที่จะประเมินผลกระทบแบบเต็มๆ แต่มันก็เริ่มจะชัดเจนแล้วว่าผลกระทบนี้จะแผ่กระจายไปทั่วโลก ไนกี้ได้ปิดร้านของตัวเองในจีนแล้วประมาณครึ่งนึง และคาดหวังจะมีผลกระทบจากไวรัสอย่างมีนัยสำคัญ สตาบัคได้ปิดสาขาลงประมาณ 2,000 สาขา และแอปเปิ้ลก็บอกว่าการจัดส่งชิ้นส่วนให้กับแอปเปิ้ลนั้นก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน
ดังนั้นอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปนั้นก็คงต้องดูว่าจะมีการกักกันการขยายตัวของไวรัสได้เร็วแค่ไหน
อ้างอิง:
https://www.bloomberg.com/graphics/2020-global-economic-impact-of-wuhan-novel-coronavirus/
https://www.nytimes.com/2020/02/09/world/asia/coronavirus-china.html
blenlit
hakwamroo.com
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.