พยายามเข้าใจ การลงทุน การเงิน และระบบเศรษฐกิจ

Economics

แผนพัฒนาเศรษฐกิจจีน 2021-2025

เป้าหมายอันยิ่งใหญ่

ความมั่นใจที่จีนพยายามที่จะปกป้องตัวเองจากโลก

แผนแม่บท 5 ปีอันใหม่นี้แม้จะยังดูคลุมเครือเกี่ยวกับทางด้านการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจแต่ก็ค่อนข้างชัดเจนเกี่ยวกับการพึ่งพาตัวเองให้ได้

การประชุมประจำปีของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปีนี้นั้นไม่ปล่อยอะไรให้ขึ้นอยู่กับโชคเลย คำปราศรัยนั้นมีการซักซ้อมมาเป็นอย่างดี ผู้ที่เข้าร่วมประชุมนั้นจะถูกตรวจสอบอย่างระมัดระวัง แม้แต่การเสิฟน้ำชายังมีการจัดวางแผนผังมาอย่างไม่ด่างพร้อย

แต่ยังไงก็ตาม บางสิ่งบางอย่างก็ไม่ได้อยู่ในสคริปด้วยเสมอ หรือบางทีอยู่ในสคริป แต่ทำราวกับว่าบางสิ่งบางอย่างนั้นไม่ได้อยู่ในสคริป ในช่วงเหตุการณ์ร่วมสัปดาห์ที่จบลงเมื่อวันที่ 13 มีนาคมนี้ คำพูดที่น่าจดจำที่สุดก็มาจาก ฉี จินปิง ผู้นำของประเทศนั่นเอง

ประธานาธิบดีฉีกล่าวว่า “จีนในเวลานี้สามารถมองตาของโลกได้อย่างภาคภูมิใจได้แล้ว” เป็นคำพูดที่เกิดขึ้นอย่างไม่เป็นทางการ “มันไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วที่เรายังคงเหมือนประเทศล้าหลังบ้านนอก” มันเป็นการแสดงออกของคุณฉีอย่างไม่มีอะไรเคลือบแคลงในความเชื่อที่ว่าจีนนั้นได้กลายมาเป็นประเทศอำนาจในโลกและก็ควรทำตัวให้สมกับความเป็นประเทศมหาอำนาจได้แล้ว

สาระหลักของการประชุมนี้ก็เพื่อที่จะยืนยันและอนุัติแผน 5 ปีที่มีเป้าหมายเพื่อทำให้จีนมีอำนาจมากขึ้นและป้องกันตัวเองจะคู่แข่งทั่วโลก แผนเหล่านี้ยังคงสำคัญสำหรับประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจแบบโซเวียตตกทอดมา

พวกเขาตั้งเป้าหมายที่เจ้าหน้าที่ทั้งหลายจะต้องทำให้ได้ แผนใหม่นี้ซึ่งเป็นแผนที่ 14 แล้วจะครอบคลุมปี 2021 ถึง 2025 ก็ยืนยันว่าความเป็นผู้นำนั้นจะจริงจังแค่ไหนที่จะปกป้องตัวเองจากประเทศที่ไม่เป็นมิตรจากต่างประเทศ

แม้ว่าแผนแม่บทนี้จะไม่ได้มีการกล่าวถึงอเมริกาออกมาตรงๆ แต่มันก็ไม่จำเป็น ทุกๆคนรู้ดีว่าการแข่งขันกับอเมริกานั้นมีอยู่ในแผนกลยุทธ์ของจีนอยู่แล้ว แผน 5 ปีฉบับก่อนหน้านี้นั้นอธิบายถึงความสุขสงบของโลกที่มีหลายด้านนั้นจะส่งผลดีต่อจีนอย่างไร

แผนฉบับนี้เน้นย้ำไปที่ความอันตรายของ ‘hegemonism’ หรือความเป็นเจ้าโลก ความไม่แน่นอนทางการเมืองก็ช่วยอธิบายต่อผู้สังเกตการณ์หลายๆคนถึงประเด็นสำคัญๆที่สุดซึ่งก็คือการละเว้นเป้าหมายหนึ่งที่เคยเป็นจุดศูนย์รวมของแผนฉบัยก่อนหน้านี้ก็คือ ‘อัตราเฉลี่ยการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจต่อปี’

แต่แผนนี้แทนด้วยการบอกว่าการตั้งเป้าการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจนั้นจะมีการกำหนดแต่ละปีโดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขต่างๆ จีนนั้นระมัดระวังในการผูกมัดตัวเองเมื่อจีนไม่รู้ว่าอเมริกานั้นจะสำลักการหาอุปทานของเซมิคอนดัคเตอร์ระดับไฮเอนด์หรือไม่ ซึ่งก็เป็นหนึ่งในข้อระมัดระวังในหลายๆเรื่อง แต่จีนนั้นก็ให้คำมั่นว่าจีนจะเป็นประเทศ ‘mid-tier developed country’ หรือประเทศพัฒนาแล้วในระดับกลางๆภายในปี 2035

จีนก็ได้ตั้งเป้าหลายๆอย่างในด้านอื่นๆด้วยซึ่งก็รวมถึงการเพิ่มขึ้นของการใช้จ่ายในด้านการค้นคว้าและพัฒนาประมาณ 7% ต่อปีในช่วงเวลา 5 ปีข้างหน้า ตามแผนนั้นบอกว่าประชากรของจีนต้องเป็นคนเมือง 65% ของประชากรทั้งหมดภายในปี 2025 เพิ่มขึ้นจาก 61% เมื่อสิ้นปี 2019 และจีนก็ปฏิญาณว่าจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เมื่อเทียบกับแต่ละหน่วยของ GDP เป็นปริมาณ 18% ระหว่างปี 2021 ถึง 2025 อย่างไรก็ดี เป้าหมายเหล่านี้ก็ดูจะดูอ่อนไปหน่อย ถ้าแนวโน้มการพัฒนาของจีนเป็นเหมือน 5 ปีที่ผ่านมานั้นจีนก็น่าจะเอาชนะเป้าหมายทั้งหมดนี้ได้อย่างสบาย

แต่ที่น่าสนใจเกี่ยวกับแผนแม่บทนี้ก็คือการอธิบายประเภทของการเจริญเติบโตที่จีนต้องการ จีนพูดถึง ‘dual circulation strategy’ หรือคอนเซปที่เปิดเผยโดยคุณฉีเมื่อปีที่แล้ว ก็คือทำนองว่าจีนจะต้องยังคงเป็นส่วนนึงของการไหลของการค้าขายทั่วโลกเพื่อที่จะต้องรักษาไว้ซึ่งส่วนแบ่งตลาดของการส่งออก แต่ในขณะเดียวกันต้องเน้นย้ำถึงกันพัฒนาของ ‘domestic circulation’ หรือการสร้างเศรษฐกิจภายในเพื่อลดการพึ่งพาจากภายนอกด้วยเช่นกัน

ในบางมุมของแผนกลยุทธ์เหล่านี้ก็เป็นที่น่ายินดีอยู่ เจ้าหน้าที่ทั้งหลายนั้นบอกว่าต้องใช้ทรัพยากรภายในที่สามารถแจกจ่ายโดยหลักการทางตลาดได้ ไม่ใช่โดยรัฐบาลหรือผู้มีอำนาจไม่กี่คนเป็นผู้กำหนด พวกเขายังจำได้ตอนที่ต้องผ่อนปรนระบบ ‘hukou’ ก็คือระบบการจดทะเบียนครัวเรือนที่เป็นการยากต่อประชากรตามชนบทที่จะย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐานภายในเมืองต่างๆ แผนนั้นบอกว่า hukou จะจับคู่กับการจัดการบนพื้นฐานคะแนนที่จะช่วยให้การย้ายถิ่นฐานง่ายขึ้นโดยเฉพาะกับแรงงานที่มีการศึกษาและอายุน้อย

แต่ในแง่มุมอื่นนั้นก็อาจจะทำให้ทั่วโลกอาจจะต้องกังวล ตัวแผนนั้นไม่ได้กล่าวถึง ‘Made in China 2025’ หรือโครงการผลิตในประเทศจีน 2025 ที่โดยวิจารณ์โดยอเมริกาว่าเป็นนโยบายอัดสเตอรอยให้กับภาคการผลิต แต่ว่าประเด็นหลักๆก็ยังคงอยู่ ในการวางแผนกำหนดความสำคัญสำหรับการผลิตนั้น แผนนั้นเรียกร้องให้มีการลงทุนในทุกๆเซคเตอร์ตั้งแต่หุ่นยนต์ถึงรถใช้ไฟฟ้า

ตัวแผนนั้นก็ยังแยกแยะเทคโนโลยี 7 พรหมแดนที่คาดว่าเป็นหัวใจหลักต่อการพัฒนาและความมั่นคงของชาติ ซึ่งก็รวมไปถึง ควอนตัมคอมพิวเตอร์ เซมิคคอนดัคเตอร์ และก็ปัญญาประดิษฐ์ จีนนั้นมีการใช้จ่ายในเทคโนโลยีเหล่านี้เป็นอย่างมากอยู่แล้ว แต่ผลลัพธ์ก็ยังจับต้องอะไรไม่ได้นัก ความพยายามเป็นปีๆที่จะตามประเทศผู้นำให้ทันในการผลิตเซมิคอนดัคเตอร์นั้นก็ยังไม่ใกล้เคียงกับความทะเยอทะยานของรัฐบาลที่ต้องการนัก

จีนต้องการที่จะผลักดันการผลิตที่ก้าวหน้าน้อยลงมาหน่อยเช่นกัน ประเทศจีนเป็นประเทศที่ผลิตสินค้าใหญ่ที่สุดในโลก ส่วนแบ่งการผลิตทั่วโลกนั้นอยู่ที่เกือบ 30% ซึ่งก็พอๆกับส่วนแบ่งของอเมริกา ญี่ปุ่น และเยอรมันรวมกันเลยทีเดียว บริษัทต่างชาติต่างๆนั้นกำลังสงสัยว่าจะย้ายการผลิตออกไปจากจีนดีมั้ยเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิตและความเสี่ยงทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นกับอเมริกา แผนนั้นเรียกร้องให้จีนเก็บห่วงโซ่ที่สำคัญขั้นวิกฤตไว้ในประเทศ ซึ่งสำหรับผู้บริหารจากต่างชาติแล้วก็อาจจะดูน่าคุกคามไปหน่อย

แต่ในแง่บวกแล้ว ทางนึงที่จีนคาดหวังว่าจะรักษาความได้เปรียบทางด้านอุตสาหกรรมก็คือวิธีการสร้างโครงสร้างพื้นฐานระดับสูงที่ได้ทดลองและทดสอบมาแล้ว รัฐมนตรีด้านคมนาคมนั้นมีแผนที่เกือบจะเพิ่มเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงเกือบสองเท่าเป็น 70,000 กม ภายใน 15 ปีข้างหน้า ซึ่งก็คิดเป็นระยะทางเกือบห้าเท่าของเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงทั่วโลกรวมกันเลยทีเดียว

แต่แผนห้าปีนี้ก็บอกเป็นนัยๆว่ายังมีความยากลำบากทางเศรษฐกิจรออยู่ โดยผูกมัดที่จะรักษาเสถียรภาพหรือพยายามลดจำนวนอัตราส่วนหนี้ต่อ GDP ของจีนลง บอกเป็นนัยๆว่าตอนนี้อยู่ที่ระดับ 300% ของ GDP นั้นมากเกินไป แต่การลดหนี้ลงอาจจะยุ่งยากนิดหน่อยเมื่อยังต้องมีการเทเงินลงไปในโครงสร้างพื้นฐานและการสนับสนุนเทคโนโลยีระดับสูงอยู่

ประเด็นสิ่งแวดล้อมก็เป็นประเด็นทิ่มแทงอีกประเด็น จีนนั้นให้คำมั่นว่าการปล่อนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะขึ้นจุดสูงสุดในปี 2030 และประเทศจะมีค่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯเป็นกลางภายในปี 2060 แต่แผนนั้นก็แทบไม่ได้บ่งบอกรายละเอียดอะไรว่าจะไปถึงจุดนั้นยังไง นอกเสียจากว่าจะเร่งเพิ่มการผลิตพลังงานนิวเคลียร์จาก 52 กิ๊กกะวัตต์วันนี้เป็น 70 กิ๊กกะวัตต์ ภายในปี 2025 แผนนั้นให้คำมั่นเช่นกันว่าจะโปรโมทการใช้พลังงานถ่านหินอย่างสะอาดแต่ก็ไม่ได้สัญญาอะไรว่าจะค่อยๆลดการใช้ลง รายละเอียดอาจจะตามมาภายหลังเมื่อรัฐมนตรีต่างๆเริ่มเขียนเป้าหมายของตัวเองลง

สื่อสารมววลชนของจีนก็สรรเสริญแผนแม่บทนี้กันใหญ่ว่าจีนนั้นมีผู้นำที่มองการณ์ไกล เป็นผู้กล้าที่จะลองเดินทางใหม่ๆในอนาคต แต่เอกสารนั้นก็เพียงแค่สรุปทิศทางที่ประเทศกำลังจะไปเ่านั้น การติดตามวิ่งหาความพึ่งพาตัวเองนั้นยังคงต้องใช้เวลาอีกนานนักรวมไปถึงต้นทุนที่จะไปถึงเป้าหมายนั้นด้วย

อ้างอิง:

https://www.economist.com/china/2021/03/13/a-confident-china-seeks-to-insulate-itself-from-the-world

Leave a Reply