คำถามนี้คงจะมีหลายๆคนที่สงสัยเหมือนกัน เพราะมันดูเหมือนจะเป็นเทรนที่โลกกำลังไปอย่าง่ค่อนข้างชัดเจน
Electric vehicles (EVs) หรือพาหนะไฟฟ้า (ก็คงเป็นรถยนต์หลักๆแหละ) กำลังได้รับความนิยมช่างท่วมท้นและชัดเจนเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในบ้านเรก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน เนื่องจากโลกกำลังพยายามย้ายตัวเองไปหาทางออกด้านพลังงานที่ยั่งยืนและสะอาดขึ้น ซึ่งก็นำไปสู่การพุ่งพรวดในการเจริญเติบโตของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับรถไฟฟ้าเหล่านี้ทั้งในเชิงมูลค่าทางตลาดและจำนวนรถที่ผลิตขึ้นมาในระยะหลังนี้ อย่างไรก็ดี ก็จะมีคำถามเกิดขึ้นว่าการลงทุนในบริษัทที่ทำ EVs เหล่านี้จะเป็นการลงทุนที่ดีมั้ย (ไม่ว่าจะบริษัททำรถตรงๆเลยอย่าง Tesla, BYDs หรือบริษัทที่ทำอะไหล่หรือชิ้นส่วน ที่อยู่ใน supply chain เช่น แบตเตอรี่ และชิ้นส่วนอื่นๆ) หรือเราควรจะยังยึดติดอยู่กับเครื่องยนต์แบบดั้งเดิมที่เรียกว่าสันดาปกันดี ในแง่การลงทุนก็จะมีหลายๆแง่ที่เราควรคำนึงถึงกัน
อย่างแรกก็คือตลาดสำหรับรถไฟฟ้า
ตลาดสำหรับรถไฟฟ้านั้นก็ได้เติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จากรายงานโดย Allied Market Research นั้นมีการคาดเดาว่าตลาดรถไฟฟ้าทั่วโลกนั้นจะเติบโตที่ค่าเฉลี่ยต่อปีประมาณ 22.6% จากปี 2021 ถึง 2028 ยิ่งไปกว่านั้นก็บอกว่ามูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 162 พันล้านเหรียญในปี 2020 และคาดว่าจะเติบโตไปที่ประมาณ 802 พันล้านเหรียญภายในปี 2028
ซึ่งการเติบโตแบบพรุ่งพรวดนี้ก็มาจากหลายปัจจัย อย่างแรกเลยก็คือรัฐบาลทั่วโลกได้สร้างแรงจูงใจให้ผู้ซื้อรถไฟฟ้าด้วยการให้ส่วนลดทางด้านภาษี (บ้านเราก็เช่นกัน) และแรงจูงใจด้านอื่นๆ และก็มีความตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้นถึงผลกระทบของรถไฟฟ้า (แม้จริงๆแล้วพาหนะขนส่งต่างๆก็เป็นแค่ส่วนนึงของการที่ทำให้โลกร้อน) เป็นแรงผลักดันให้มีความต้องการที่จะใช้รถไฟฟ้ากันมากขึ้น
ทีนี้การจะลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับรถไฟฟ้านี่หละ?
การลงทุนในบริษัทรถไฟฟ้าที่ถูกบริษัทก็อาจจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง อย่างเช่น Tesla หรือ BYD (ถ้าใครได้ถือหุ้น 2 บริษัทเหล่านี้แต่แรกๆ ป่านนี้ก็คงจะรวยไม่รู้เรื่องเหมือนกันเนาะ) แต่ตอนนี้ก็มีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องพิจารณาด้วยก่อนจะลงทุน อย่างแรกก็คือสถานะการเงินของบริษัท รวมไปถึงกระแสเงินสด นั้นเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับบริษัทที่จะยืนระยะได้จนประสพความสำเร็จ (อันนี้ก็คงจะเป็นเหมือนๆกันทุกบริษัท) และเพิ่มเติมไปว่าบริษัทมีการลงทุนในด้านวิจัยและการพัฒนาแค่ไหน ซึ่งก็จะช่วยส่งผลให้บริษัทนั้นๆอาจจะมีวิวัฒนาการ หรือนวัตกรรมอะไรที่ออกมาเหนือกว่าคู่แข่งได้
พาร์ทเนอร์ที่ร่วมลงทุนกับบริษัทก็สำคัญเนื่องจากอาจจะช่วยในการส่งเสริมให้บริษัทสามารถแทรกซึมและขยายตัวออกไปได้มากกว่าบริษัทอื่นๆ เช่น การที่ Tesla ผนึกกำลังกับพานาโซนิคเรื่องแบตเตอรี่ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ Tesla นั้นประสพความสำเร็จและสามารถมีรถที่วิ่งได้ไกลกว่าแบรนด์อื่นๆที่คงต้องใช้เวลาในการไล่ตามเช่นกัน
และท้ายสุดก็ควรดูว่าบริษัทนั้นสามารถที่จะแข่งขันหรือมีจุดแข็งอะไรที่จะไปต่อกรกับผู้เล่นรายอื่นๆในตลาดด้วยเช่นกัน เพราะในเมื่อตลาดมันกำลังโต ก็จะมีผู้เล่นรายอื่นๆพยายามเข้ามาในตลาดเช่นกัน ส่งผลให้มีการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น บริษัทที่มีสินค้าที่มีคุณภาพและราคาที่แข่งขันได้มักจะประสพความสำเร็จในระยะยาว (อันนี้ก็ไม่ต่างกับบริษัทประเภทอื่นๆเช่นกัน)
ข้อดีของการลงทุนบริษัทที่ดำเนินธุรกิจ EVs
จริงๆเขาก็ว่ากันว่ามันมีหลายอย่าง อย่างแรกก็คือ ในตอนนี้ดูเหมือนว่าอะไรก็จะฉุดตลาดรถไฟฟ้าไม่อยู่ และน่าจะยังคงเติบโตได้ไปอีกหลายๆปีในอนาคต และบริษัทที่เกี่ยวข้องก็น่าจะมีดีมานด์สำหรับสินค้าที่เพิ่มขึ้น และนำไปสู่รายได้และกำไรที่มากขึ้น ทำให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น
การลงทุนในบริษัทรถไฟฟ้านั้นก็จะส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน เนื่องจากรถไฟฟ้านั้นปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่ารถสันดาปซึ่งจะช่วยนำไปสู่การลดมลภาวะในอากาศและช่วยให้สิ่งแวดล้อมสะอาดขึ้นได้ ซึ่งการลงทุนในบริษัทเหล่านี้ก็เป็นทางนึงที่จะช่วยสนับสนุนบริษัทต่างๆให้อยู่รอดและเพื่อมีอนาคตที่ยั่งยืนได้
แต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะดีไปหมด ไม่ว่าอะไรก็มีความเสี่ยงโดยเฉพาะการลงทุน การลงทุนในบริษัทรถไฟฟ้าก็มีความเสี่ยงเช่นกัน อย่างแรกเลยก็คือตลาดรถไฟฟ้านี้ก็ยังถือว่ายังใหม่อยู่ (แม้ว่า Tesla และ BYD จะอยู่มานานเป็นสิบปีแล้วก็ตาม) และยังมีความไม่แน่นอนอยู่กับอนาคตของตลาด EVs นี้พอสมควร เนื่องจากยิ่งบริษัทเข้ามาแข่งขันกันมากขึ้น ก็จะนำไปสู่สงครามราคา (อย่างที่เราเห็น Tesla ลดราคาขายอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนเมื่อไม่กี่เดือนมานี้เองในหลายๆประเทศ) ซึ่งนั่นก็อาจจะนำไปสู่กำไรที่หดหายลงของหลายๆบริษัทที่เราลงทุนได้
และอีกอย่างนึง ตลาดรถไฟฟ้าตอนนี้ก็ต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากรัฐบาลและกฏเกณฑ์ต่างๆเป็นอย่างมาก การเปลี่ยนแปลงในนโยบายของรัฐบาลก็จะมีผลกระทบอย่างมากต่อตลาด EVs นี้รวมไปถึงผลกำไรของบริษัทต่างๆที่ผลิตสินค้าออกมาด้วย
และการลงทุนในบริษัทรถไฟฟ้านั้นก็ค่อนข้างจะแพงเนื่องจากหลายๆบริษัทอาจจะยังอยู่ในช่วงระยะแรกๆของการผลิตและการพัฒนา ทำให้ต้องมีการลงทุนค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นโรงงานผลิต เทคโนโลยี และบุคลากร ซึ่งนักลงทุนอย่างเราๆคงต้องมองการลงทุนกันไปแบบยาวๆเลยทีเดียว
อ้างอิง
Electric Vehicle Market Share, Size, Analysis | EV Market Growth (alliedmarketresearch.com)
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.